วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

วรรณกรรมระดับโลก

    โลกนี้คือละครการดำรงอยู่ของศิลปะการละครมีควบ คู่มากับสังคม ละครกับชีวิตจริงนั้นแทบจะหลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกันเสียแล้ว โดยเฉพาะละครโศกนาฏกรรม ที่มีมาช้านาน เป็นละครที่ความเก่งกล้าสามารถไม่อาจเอาชนะชะตากรรม และสอนถึงความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์
ตำนานเก่าแก่เรื่องแล้วเรื่อง เล่ากลายมาเป็นละคร แน่นอนว่า "โรมิโอและจูเลียต" (Romeo and Juliet) จัดอยู่ในละครจำพวกดังกล่าว หนึ่งในโศกนาฏกรรมที่ชาวโลกจดจำมากที่สุดเรื่องนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นจากความ ว่างเปล่าในสมองของวิลเลี่ยม เชกเสปียร์ (William Shakespeare) หากแต่ย้อนกำเนิดไปได้ยาวไกลกว่า และถูกถ่ายทอดเชิงศิลปะมาก่อนที่เชกเสปียร์จะได้รับโครงเรื่องนี้
ผู้ แต่งเรื่อง Romeo and Juliet ที่แท้จริงนั้นคาดว่าเป็น ลุยจิ เดอ ปอร์โต(Luigi de Porto) ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านมอนโตรโซ (Montorso) ชาวเมืองวิเซนซา(Vicenza)ประเทศอิตาลีโดยเขาเริ่มแต่งเรื่อง Romeo and Juliet เป็นร้อยแก้วเมื่อราว ค.ศ.1525 ลุยจิแต่งเรื่องนี้จากเรื่องจริงของคู่รักที่อาศัยอยู่ในนครเวโรนา ประเทศอิตาลี ทั้งคู่ยอมตายเพื่อกันและกันในปี 1303 ซึ่งเป็นยุคที่ตระกูลมอนตะคิวและคาปุเล็ตเป็นสองตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเวโรนา เขาใช้หมู่บ้านของตนเป็นฉาก และนำปราสาทชื่อ Giulietta Taverna Romeo มาใช้เป็นชื่อของโรมิโอ ต่อมาก็มีชาวเนเปิล (Naples) ประเทศอิตาลี ชื่อมัตเตโอ บัลเดลโล(Matteo Bandello) นำมาแต่งเป็นร้อยกรอง ซึ่งเชกเสปียร์ก็ได้อ่านบทประพันธ์นั้นและนำเรื่องจริงนี้มาแปรเป็นเชิงร้อย กรองอังกฤษโดยยังคงฉากทิวทัศน์อิตาลีไว้ ขณะเดียวกันได้ใส่ทรรศนะ จารีต และธรรมเนียมทางศิลปะของอังกฤษสมัยราชินีเอลิซาเบธเข้าผสาน
บทละคร เรื่องโรมิโอและจูเลียตของเชกเสปียร์มีชื่อเสียงโด่งดังและตราตรึงใจ ผู้คนเล่าลือถึงคู่รักคู่เอกของโลกคู่นี้ที่ปลิดชีวิตตัวเองในวัยรุ่น เรื่องราวของโรมิโอและจูเลียตบังเกิดในสมัยที่ผู้คนยังเชื่อในรักแรกพบ อีกทั้งบังเกิดในสังคมซึ่งผู้คนไม่เคยเชื่อว่าความรักที่เกิดจากระยะเวลาและ ความใกล้ชิดคือความรักแท้ ความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลเป็นอุปสรรคใหญ่ ความรักต่อคู่อริจึงนำพาความตาย ชะตากรรมขีดความหายนะให้โรมิโอและจูเลียต โดยในที่สุด สองตระกูลก็กลับคืนดีได้ด้วยการเสียบุตรชายหญิงของตนไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น